Camlica Tower แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ใน Istanbul

Istanbul เป็นเมืองขนาดใหญ่อันอัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ซึ่งตั้งอยู่ใน 2 ทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป กับ ทวีปเอเชีย ด้วยสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีความสวยงามผสมผสานจากทั้ง 2 ทวีป จึงทำให้ Istanbul กลายเป็นเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแสนพิเศษ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงอาบน้ำ , วิหาร, สุเหร่า ต่างๆมากมาย หากแต่ในวันนี้เราจะมาพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ Land Markแห่งใหม่ ใน Istanbul น่าไปเยือนสักครั้งกันค่ะ

Camlica Tower , แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ใน Istanbul ปี 2019

Camlica Tower คือ หอวิทยุโทรทัศน์ทางฝั่งเอเชียของ İstanbul ซึ่งใกล้สิ้นสุดการก่อสร้างในเร็ววัน พร้อมเตรียมจะให้มุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแก่ผู้มาเยือน โดยงานจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2019 ในส่วนของหอคอยที่อยู่บริเวณด้านบน ใช้เป็นร้านอาหารและดาดฟ้าชมวิวบนโครงสร้างมีความสูงถึง 388 เมตร การก่อสร้างจะสิ้นสุดในปี 2019 ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอนก็ตาม

การก่อสร้างหอคอยขนาดใหญ่แห่งนี้ ใช้เป็นเสาอากาศ TV ขนาดยักษ์ ซึ่งควบรวมกับเสาอากาศเก่าซึ่งเริ่มต้นในการก่อสร้าง เดือนมีนาคม 2016 บนเนินเขา Çamlıca สามารถมองเห็นช่องแคบ Bosporus ได้อย่างเต็มๆตา โดยมีการติดตั้งชั้นจำนวนทั้งหมด 10 ชั้นแยกกัน ในแต่ล่ะหอคอย โดยสิ่งเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อเป็นสถานที่ตั้ง พร้อมอำนวยความสะดวกทางสังคม

ส่วนที่เป็นคอนกรีตของหอคอย มีความสูง 221 เมตร ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยมีการรองรับจากเหล็กซึ่งเข้ามารองรับเสาอากาศที่ยังติดตั้งอยู่ บริเวณเสาอากาศด้านบนหอคอยมีน้ำหนัก 1,400 ตัน โดยหอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 576 เมตร เมื่อสร้างเสร็จสิ้นจะมีทั้งหมด 53 ชั้นรวมถึงใต้ดิน 4 ชั้น พนักงาน 300 คน รวมทั้งวิศวกรเร่งมือทำงานตลอดเวลาเพื่อให้การก่อสร้างเสร็จสิ้น

สำหรับชั้น 39 – 40 ของหอคอยจะเป็น สถานที่ตั้งของร้านอาหารและมีจุดชมวิวตั้งอยู่บนชั้นเดียวกัน ทางด้านบริษัทสถาปัตยกรรม ได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมแห่งตุรกี เรื่องการเดินเรือ คือ ให้ใช้ออกแบบหอคอยซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเงา โดยขึ้นอยู่กับมุมมองจากทิศทางต่าง ๆ ทั่วเมือง จากร้านอาหาร รวมทั้งหอสังเกตการณ์แล้ว หอคอยแห่งนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการลิฟท์แบบ Panorama และ Cafe มุมมอง 180 องศา พร้อมลิฟท์ Panorama ทั้ง 2 ด้านของโครงสร้าง จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถรับชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อันโดดเด่นทางฝั่งยุโรปของเมือง และแนวชายฝั่งทะเลดำอันแสนกว้างใหญ่ทางตอนเหนือ โดยเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ ปีละประมาณ 4 ล้านคนขึ้นไป/ปีมาได้สำเร็จ